วันพุธที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2555

บทสรภัญญะเรื่อง พ่อหม้ายใจทราม





สรภัญญะเรื่องพ่อหม้ายใจทราม

ร้องโดย คุณแม่อรวรา มัชฌิมะ
และคณะศิษย์ เพื่อสำหรับไว้ศึกษาแก่ผู้สนใจ ในเรื่องบทกลอนสรภัญญะต่างๆ 


ภาพ 13 ตุลาคม 2555
เสียง 12 ตุลาคม 2555



บทสรภัญญะเรื่อง พ่อหม้ายใจทราม
 ประพันธ์ เขียนเรียบเรียง โดย คุณแม่อรวรา มัชฌิมะ
ทำนอง โดยกลุ่มแม่บ้านที่พักสงฆ์วัดป่าช้าหนองกราด
กริ่น...(หัวหน้าพูด)     พี่น้องเอ่ย....ความฮักมาทางหลัง  ความหลงมาทางหน่า..
เวทนากะหุ่มห่อ   หาสติกะบ่พ้อ  ปัญญาเจ้ากะแล่นหนี   อันความหลงว่านี้
มันปิดฮีเทิงหูตา  กระทำการเวทนา ฆ่าลูกโตกะโสเมี้ยน  ลืมความเพียร 
ทางหลังหน้า  อันโลภะโมหะ สิทำโตให้ตกต่ำ หลงก่อกรรม โหดฮ้าย
อบายไหม้ ไปซั่วกัลป์  พี่น้องเอ๊ย............
หัวหน้าร้อง ;…บัดนี้ เราจะ ได้กล่าว  ตามประวัติเรื่องราว   ของพ่อหม้ายใจทราม               
รับพร้อมกัน ;…
เมียตายป๊ะ เป็นเพราะเวรหรือกรรม         เลี้ยงลูกตาดำๆ .. เช้าค่ำได้เบิ่ง-แยง.    
 ความฮักแพงสองหล่าลูกอ่อนน้อย          บ่ตีบ่ต้อย ค่ำคล้อย ออยลูกเข้าบ่อน. 
 สองปีปลาย แม่ตายป๊ะออนซอน            คนน้อง ญังอ่อน สองขวบปลายนั้นเป็นชาย.
อยู่ไม่นาน ฤดูการทำนา                            อกพ่อหม้ายเหว่ว้า บ่มีคนมาส่งข้าวงาย
ฝนตกฮำ อยู่ผู้เดียวใจวุ่นวาย                  ไผน้อซิมาม่าย  อยากได้เมียมาอยู่นำ
    พอไม่นาน ได้พบพานแม่ยอดชู้            ไปมาหาสู่  อยากมีคู่สาวทองดำ
ถ้อยวาจา เจ้าช่างมาลึกล้ำ อยากได้สาว..ทองดำ  ให้ฆ่าลูก เจ้าตายก่อน
หากกล้าทำ ดำซิเอา ซ่อนบ่อน                บ่กล้าอย่ามาวอน อย่ามาเว้าให้ร่ำไร
อกพ่อหม้าย ฝังจำลงในใจ                     มื้ออื่นเด้อสิได้ ลวงลูกไปฆ่าปล่อย
มื้ออื่นมา ได้เวลาบ่ายคล้อย                   เอิ้นสองลูกน้อย พ่อสิพาไปท่ง
ไปหาปลาพาไปจับปูโข่ง                         แล้วพาเข้าดง ไปขุดสร่างให้ลงยั้ง
ลูกอ่อนน้อยสองส่อยวอยกำพร้าแม่,       แหมดีใจแท้ๆ........พ่อสิพาไปท่ง
ไวๆหล่าพ่อสิพาไปดง                             พ่อลงไปท่ง เห็นบักหว่าสีชมพู
น้องร้องให้อยากได้บักหว่า                     พ่อเลยบอกว่า สิพาไปเอา อยู่ในดง
บักต้องบักเค็ง เป็นโก่งโค่งโน้ง               บ่อึดในดง  เทิ้งบักแงวบักไฟ
เดินมาไกลป่าไม้ทึบหนา                         ตะวันไกล้ลับฟ้า  พ่อบอกว่านั่งถ่าก่อน
พ่อขุดสร่างให้กินน้ำเด้อน้อยอ่อน            ค่ำแล้วออนซอน สองบังอรก็อ่อนล้า
ขุดอยู่นาน พอประมาณกะว่า                  มาแม้ลูกหล่า   ให้พาน้องมาลงยั้ง
ฝ่ายผู้เอื้อย พอได้ฟังพ่อสั่ง                      โดดลงไปยั้ง  มันถ่วมหัวแล้วละพ่อ
ส่วนพ่อหม้าย  โยนลูกชายลงต่อ             จับบักจก  ได้น้อ   กะก่นดินลงใส่
ตกกระใจ เสียงน้องชายร้องจ้า                เอื้อยเลยฮ้องว่า พ่อจ๋า อย่าก่นลง
เข้าตาน้อง  ทั้งถมแข้งถมขา                     ก้อนดินถืกหน้า น้องหล่ากะล้มลง
ดึงได้แขน กะญังแข้ง ญังขา                    เอื้อยเลยฮู้ว่า  พ่อสิฆ่าให้ตายโจ่ม
“.ลำ.........ซาวมือดึงแขนน้อง... เอื้อยกะ.น้ำตานองน่อไหลหลั่ง.....มือหนึ่งซาวใส่ฝั่ง    ผลัก กะตีงบ่ได้  ดินถมไว้ ว่าพ่อน้อ   สองมือนบจ้อก้อ.......วิงวอนพ่ออย่าถมลง........   ดินเป็นผงมันเข้าตา   ถมขึ้นมา ฮอดคอน้อง......เสียงน้องซายเฮฮ้อง......เอื้อยกะน้ำตานอง  วิงวอนเว้าผู้เป็นพ่อ ......พ่อนางเอ๊ย....เคยฮักลูกกะด้อ  เป็นหญังน้อพ่อสั่งทำ.........ฝนตกฮำ พ่อเคยหาใบตองกั้ง........ยามหลังคาเถียงนาพัง ยามฝนย้อยพ่อออยว่า........หยับมาแม้ ลูกหล่า ฝนสิย้อยใส่หัว  ยามลมแฮงเสียงฟ้าฮ้อง......พ่อยังได้เอาผ้าผืนหนาๆมาให้ห่ม.....หนาวหัวลม  มาจ้าวๆ   พ่อออยเข้านั่นบ่อนนอน  ยามลูกเจ็บไข้ฮ้อน...พ่อแล่น ฮ่อนน้อหายา  ฮักลูกปานดวงตา พ่อสังทำ น้อลงได้   มันหนักหลายดินถมร่าง.....เหมิดหนทางสิดิ้นต่อ..... แหงนขึ้นไปเบิ่งแต่พ่อ.... ก่นดินถมพังทับหน้า.....เสียงจาเว้า กะอ่อนลง กะอ่อนลง..............พ่อนางเอ๊ย...
  ร้องพร้อมกัน
   น้ำตาไหล กอดน้องไว้แนบ อก          พ่อขุดดินปก สิ้นชีวาในไพรพงษ์
พ่อแสนดีใจ   หากสิสมประสงค์          กลับมาจากดง  ตรงไปหาสาวทองดำ
อ้ายมาทวงคำ  แม่ทองดำให้วาจา       ลูกหญิงชายพี่กล้าฆ่า ตายแล้วหน่าคนงาม
ฝ่ายตัวเจ้า โอ้แม่สาวทองดำ                เหมือนฟ้ากระหน่ำ  ลงมาที่กลางทรวง
เจ้านี่หนา ละชั่งกล้าเรียกว่าคน           ใจทรามเหลือล้น   ฆ่าลูกตนได้ลงคอ
ข้อยเป็นไผ   เจ้าสิมางึดง้อ                  ยามสูน มาน้อ เจ้าสิฆ่าข้อยคือกัน  
ไปให้ไกล อย่าได้มารำพัน                   ใจทรามปานนั้น   ข้อยขอเฒ่าตายดีก่อ
ได้ฟังคำ พ่อหม้ายแค้นจ้อลอ              เวรกรรมเฮาน้อ คึดฮอดลูกขึ้นทันได           
โดดลงเฮือน วิ่งเข้าป่าพงษ์ไพร            ผีห่าตนได สิงใจพ่อ ให้ทำลง
วิ่งลัดป่า ตัวกายา เลือดย้อย                ถึงหลุมลูกน้อย ใจพ่อคอยสิขาด ลง
สองมือ ควดเอาดินที่ถมลง                   ชีวิตเจ้าปลง เพราะมือพ่อ หนอลูกยา
กอดศพลูก ทั้งสองแนบอุรา                  โอ้ลูกพ่อจ๋า ฟื้นขึ้นมา เถิดลูกเอย....
ลำ .......ตื่นขึ้นมาสาเด้อหล่า ให้มาจาเว้านำพ่อ .........เว้านำพ่อ....
คืนมากินหมากก่อ  คืนมากินหมากหว่า สิพาเจ้าน่อเทียวหา....ไปหาปลาอยู่นาน้อย........ไปงมหอยอยู่นาท่ง.......พาไปจับปูโข่ง จี่กินแลง  มือนี้ทั้งสองน้อยไห้ตื่นมา.......ปัดเอาดินออกจากหน้า......เห็นแต่คาบน้ำตา........จับนำแขนบายนำขา กายาเจ้ายังอุ่น..ๆ...ยังอุ่น..ๆ...   หัวใจพ่อมันว้าวุ่น....เลยเป็นบ้า ได้แล่นวุ่น.....ได้แล่นวน...น้อเวรน้อ...                    
  ร้องพร้อมกัน  “
     จบนิทาน สรภัญญ์ เราได้กล่าว     ตามประวัติเรื่องราว ของพ่อหม้ายใจทราม     
พิจารณา ก่อนที่จะกระทำ              เป็นคติธรรม รักโลภโกรธหลง นั่นหละนา
เป็นคำสอน ของพระศาสดา              พวกดิฉันขอลา ไปก่อน อย่าร้อนใจ
โอกาสดี คงได้พบกันใหม่                  โชคดีมีชัย ขอให้ได้ทุกคนเทอญ....

9 ความคิดเห็น:

  1. ก่อนที่เราจะไปประกวดขับร้องสรภัญญะ เราก็ควรศึกษากฏิกาของที่นั่นก่อนว่ากำหนดอย่างไร และวัดที่จัดงานประกวดร้องสรภัญญะก็ควรบอกกฏิกาให้ชัดเจนก่อน เพื่อผู้เข้าร่วมประกวดจะได้เตรียมบทได้ถูกต้อง ถ้ามีการบังคับเรื่องความยาวก็จะได้เลือกบทกลอนได้เหมาะสม

    ตอบลบ
  2. ถ้าคิดว่ากลอนนี้ยาวไป ก็ไปแต่งเอาเองเรื่องใหม่ซิ เอากลอนของเขาไปทำเสียเป้าหมายการสื่อสารเรื่องราว ไปตัดจุดสำคัญออกยิ่งหนักไปใหญ่

    ตอบลบ
  3. เดี๋ยวนี้ กรรมการตัดสินสรภัญญ์ หูหนวกตาบอดมีมากขึ้นทุกที ต่อไปมาตัดกลอนนี้แล้ว ก็จะไปตัดกลอนต่อไปอีก ก่องข้าวน้อย กลอนมัทรี กลอนพระเวสสันดร และอื่นๆอีก กลอนดีๆที่เหล่าบัณฑิตเขียนไว้ จะค่อยถูกลบล้าง ไปทีละนิด จะหาคนที่เข้าถึงแก่นของธรรมก็น้อยเต็มที่ แล้วพากันมาถากกระพี้ทิ้ง ต่อไปต้นไม้ไม่มีกระพี้ไม่มีเปลือก ต้นไม้ก็ตาย

    ตอบลบ
  4. ตอนสุดท้ายของเรื่องมีความสำคัญมาก เป็นบทสรุปของกรรม โทษของความมักมากในกาม โทษของราคะตัญหา โทษของการขาดสติยั้งคิด เสียคนที่รักไปแล้วต้องเจ็บปวดตลอดชีวิต เอาคืนไม่ได้ ถ้าตัดส่วนนี้ออกเรียกว่าตัดส่วนหัวใจของเรื่องออก เสียหายมาก

    ตอบลบ
  5. ถ้าคิดว่ากลอนนี้ยาวไป คุณก็ไปแต่งเรื่องใหม่ก็ได้ แต่งเรื่องแม่หม้ายใจทราม อะไรทำนองนี้ก็ได้ จะแต่งเรืองให้สั้นแค่ใหนก็ได้ ตามใจชอบ
    จะได้ไม่ต้องมาตัดตอนกลอนของเขา ไปประกวด

    ตอบลบ
  6. เสียงดีคักอีแม่เอ้ยยย.. ฟังจนขนลุกพองไห้นำ

    ตอบลบ
  7. เสียงดีคักอีแม่เอ้ยยย.. ฟังจนขนลุกพองไห้นำ

    ตอบลบ
  8. ผมขออนุญาตนำกลอนไปให้นิสิต นักศึกษา ที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้ฝึกร้อง เพื่อรักษาวัฒนธรรมของอีสานนะครับ และขอทราบชื่อท่านอาจารย์ที่แต่งกลอน คณะที่เป็นเจ้าของผลงานด้วยครับ ขอบพระคุณครับ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. อนุญาติให้เผยแพร่ฝึกร้องได้ สำหรับผู้ประพันธ์ต้นเรื่องจริงๆยังไม่ได้รับการยืนยันจากผู้เขียนและเรียบเรียงเนื้อหาและทำนองต้นแบบเนื่องจากผูเขียนยังนอนป่วยอยู่โรงพยาบาล สำหรับผู้เขียนและเรียบเรียงเนื้อหาและทำนองต้นแบบ คือคุณแม่ อรวรา มัชฌิมะ และได้แจกจ่ายให้หลายคณะไปฝึกร้องโดยให้ทำนองต้นแบบไป และหลายคณะ ก็อาจร้องได้ไพเราะกว่าทำนองต้นแบบก็มีหลายคน ซึ่งคณะแรกๆที่ได้บทไปฝึกขับร้อง เนื้อเรื่องยังเขียนและตรวจทานไม่สมบูรณ์อาจมีตกหล่นผิดพลาดหลายจุด แต่ฉบับที่ลงไว้ ณ ที่นี้เป็นฉบับตรวจทานปรับปรุงล่าสุด และผู้เขียนต้องการเผยแพร่ เพื่อเป็นคติธรรมคำสอนในบททำนองสรภัญญ์ต่อไป ขอเพียงอย่าตัดเนื้อหาบางช่วงใดฃ่วงหนึ่งออกไป เพราะทุกส่วนมีความสำคัญฝังอยู่ในเนื้อเรื่องทั้งหมด

      ลบ