วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

พระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุที่วัดป่าช้าหนองกราด









   พระธาตุและพระบรมสารีริกธาตุเหล่านี้  ที่เสด็จมาเอง ณ วัดป่าช้าหนองกราด
     ด้วยอำนาจญาณบารมีแห่งองค์หลวงปู่ทองทิพย์ รัตนะโคตร
ด้วยทั้งจิตญาณบารมีแห่งครูบาอาจารย์อีกหลายองค์ ที่เมตตาลูกหลาน เพื่อได้สักการะบูชา เป็นพลังใจในสัมมาปฏิบัติ
พระบรมสารีริกธาตุที่เสด็จมา


 
พระธาตุเหล่านี้ล้วนเสด็จมาเอง













พระธาตุพระสีวลี







ภาพนี้คือเพชรพญานาคที่เสด็จมาเอง
เป็นตัวแทนพญานาคเพื่อมารักษาพระธาตุ







 



วันพุธที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เพชรพญานาคที่ตกลงมาที่หลังคาศาลาวัดป่าหนองกราด



  



ทุบก้อนหิน คืน 23 ก.พ. 2555
(เพชรพญานาคในก้อนหินนี้ ได้มาจากที่อื่น เพื่อมาพิสูทดูและเปรียบเทียบกับ เพชรพญานาคที่มาเองจากอากาศว่างๆ ว่าจะมีความแตกต่างกันมากน้อยแค่ใหน) 

เพชรพญานาคที่ตกลงหลังคาศาลาวัดป่าหนองกราด


(ชุดแรกนี้ มาช่วงในพรรษา ปี 2553 )

    ทั้งนี้ก็ด้วยบารมีแห่งองค์พระบรมธาตุที่เสด็จมา











เพชรพลอยพญานาคทั้งหมดที่มาวัดป่าช้าหนองกราดนั้น
ล้วนเสด็จมาเองทั้งสิ้น ไม่ได้ทุบเอาจากก้อนหิน
ทุก ๆ เม็ด ล้วนมีจิตวิญญาณ
เขามาเพื่อบูชารักษาพระธาตุ เม็ดใดจะมอบให้ผู้ใดได้นั้นต้องมีบารมีเกี่ยวข้องกัน
เพชรพญานาคชุดนี้เสด็จเมื่อวันมาฆะบูชา 18 กุมภาพันธ์  2554
หลังจากพระสวดปาฏิโมกข์ ณ ลานพิธี ปรำบายศรี


(ท่านสามารถคลิ๊กที่ภาพเพื่อดูภาพเต็มจอได้)

เพชรพญานาคในภาพด้านล่างนี้
เสด็จมา ในเช้าวันที่ 20 มีนาคม 2554
บางส่วนที่เก็บให้สามเณร ไม่ได้ถายภาพลงไว้ที่นี่ก็มีหลายองค์
เสด็จมาคราวนี้ ตกลงหลายที่
ตกที่ศาลาบ้าง ที่หน้ากุฎิแต่ละหลังบ้าง ที่ลานธรรมพระปางประทานพรบ้าง



เพชรเจ็ดสี มณีเจ็ดแสง
แก้วมณีโชติ

สิ่งเหล่านี้มิใช่เกิดขึ้นลอยๆ แต่เกิดจากการสั่งสมอบรมบารมีธรรม

มาเพื่อบูชาพระบรมธาตุ และ อรหันตธาตุ



เพชรพญานาคชุดล่างนี้ตกลงมาเมื่อ 
วันที่27 มีนาคม 2554













 เพชรพญานาคทุกเม็ดล้วนมีจิตวิญญาณ
หากท่านผู้ไดได้รับมอบไปบูชาแล้ว จงเก็บรักษาด้วยจิตศรัทธา
หมั่นสร้างบุญบารมีเข้า เขาจะช่วยเกื้อหนุนเราทุกประการ
บางคนได้รับมอบไปบูชา แล้ว รู้เท่าไม่ถึงการ นำไปเจียร์เป็นเครื่องประดับ
อันนี้เป็นบาปเป็นกรรมนะ 
อย่าทำเชียวละเขาจะเสด็จหนีกลับมาที่นี่เช่นเดิม
เขาก็เจ็บปวดเป็นเหมือนกันนะ
ถ้าอัดกรอบแขวนคอ ในรูปเดิมของเขานั้นไม่เป็นไร
ถ้าไม่เชื่อท่านจะฉิบหาย 
ใครเคยทำจงรีบแต่งขันธ์ ๕ ขันธ์ ๘ 
ขอขมาท่านซะ
เราขอ ย้ำเตือนว่า ทุกเม็ดมีจิตวิญญาณ มีอานุภาพในตัว
แต่ผู้ที่จะได้รับประโยชน์จากสิ่งนี้ ต้องหมั่นสร้างบุญบารมีให้สมภูมิก่อนนะ

 

ทุกวันนี้ก็ยังมีเทียวมาเทียวไปอยู่เนืองๆ
  
   ทั้งหมดนี้เป็นเพียง ภาพแห่งความทรงจำ เป็นเพียงเรื่องเล่าประสบการณ์เล็กๆน้อยๆเท่านั้น ท่านผู้ไดไม่เคยมีประสบการณ์หรือไม่เคยสัมผัสด้วยตนเอง ก็จงอย่าเชื่อถือเป็นจริงเป็นจังเป็นอันขาด  เพราะเพชรพญานาคเหล่านี้ไม่ได้ทุบเอาจากก้อนหิน ไม่ได้ไปแสวงหาจากถ้ำผาที่ได บางครั้งเขาก็แสดงให้ปรากฏกระทบหลังคาตกลงมาใส่ท่ามกลางผู้คนคนที่ถือศีลวันอุโบถที่กำลังเปล่งเสียงสวดมนต์ สวดบารมี ๓๐ทัศ สวดชัยใหญ่ นะโมเมบ้าง หรือตามโอกาสพิเศษ และวันธรรมดาบางวันบ้าง การที่เขาเหล่านั้นได้วัตถุอันน่าปลื้มใจ ทำให้รู้สึกภูมิใจดีใจและทำให้เกิดกำลังใจไม่น้อยเลยแก่ผู้ปฏิบัติศีลธรรม บำเพ็ญบารมี  แต่รู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้คงเป็นของมีเจ้าของ (มีเจ้านาย) ทุกครั้งที่เราได้ยินเสียงก้อนหินกระทบหลังคากลิ้งลงสู่พื้นดิน พยายามเดินหาก็ไม่อาจมองเห็นสิ่งแปลกๆนี้ปรากฏให้เห็น ต้องตามท่านผู้เป็นเจ้าของซึ่งเป็นที่รู้กันดีในกลุ่มคณะที่อยู่ร่วมกัน เมื่อท่านผู้นั้นมาดู ในบริเวณที่ว่านั้น วัตถุลึกลับเหล่านี้จึงค่อยปรากฏแก่สายตาฝูงชน หากเม็ดใดเขาไม่ปราถนาจะให้ เขาจะมุดดินหนีหายไปเลย สิ่งที่ว่ามานี้เป็นเรื่องเล่าส่วนหนึ่งเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ท่านทั้งหลายจงอย่าเชื่อถือเป็นจริงเป็นจังเด็ดขาด เดี๋ยวเขาจะหาว่าบ้า แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่ยอมบ้า เพื่อแลกเพชรพลอยเหล่านี้มาด้วยการสร้างบุญบารมี มอบกายถวายชีวีแก่พระรัตนะตรัย เขาบอกว่าคุ้มค่ากว่าการเสียเงินเสียทองเพื่อแลกมาซึ่งเพชรพลอยตามท้องตลาด เพราะเป็นการแลกที่ได้กำไร ด้วยการสละกายวาจาใจ สร้างความดี ชำระเครื่องเศร้าหมองในจิตใจ เขารู้สึกภูมิใจอิ่มใจเหลือเกินที่จะได้มาหรือไม่ได้มาก็ตาม แต่พอจิตสงบแล้วจึงรู้สึกพอใจมากที่โดนหลอกให้ได้ทรัพย์อันประเสร็จ คือแก้วสามประการ มีพุทธรัตนะ ธัมมะรัตนะ สังฆะรัตนะ แต่ยังมีคนบางกลุ่มที่พยามแสวงหาสิ่งเหล่านี้ด้วยความลุ่มหลง เพื่อเชิงธุระกิจก็มี 
       หากไร้เสียซึ่งจิตวิญญาณแล้วเพชรพญานาคเหล่านี้ก็ไร้ค่า ไม่ต่างจากเพชรพลอยตามร้านตลาด มีค่าเพียงแค่ไว้แลกเศษกระดาษ เศษดิน เศษเหล็กเท่านั้น ไม่อาจอำนวยความสุขที่แท้จริงได้ 
       ดังนั้นผู้มีปัญญาจึงมุ่งหวังความดีงามทางจิตใจเป็นใหญ่ ..........เพราะว่าสิ่งดีงามที่ปรากฏขึ้นในดวงจิตนั้น จะอำนวยประโยชน์สุขให้เราได้อย่างแท้จริง ........
       ส่วนประการณ์ความแปลกอัศจรรย์อย่างอื่นนั้น ต้องหาฟังเอาเองจากผู้ที่มีประสบการณ์ต่างๆ  ซึ่งคิดว่าคงมีอยู่ทั่วไป....