วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2558

เตือนภัยแก๊งมิจฉาชีพสิบมงกุฎ หลอกคนเอาเงินแสนไปทำหวยแล้วหนีหายเข้ากลีบเมฆ

เตือนภัยสำหรับใครที่ชอบเรื่องโชคลาภ หวยบัตรเบอร์ต่างๆ ระวังจะถูกแก๊งมิจฉาชีพหลอกเอาเงินแสน ไปทำหวยหลอกว่ามีพระศักดิ์สิทธิ์ทำหวยแม่น แล้วหายเข้ากลีบเมฆ
เรื่องย่อคือ วันที่26 กับ 28 พ.ย.2558 มีคนแอบอ้างว่าเป็นครูสอนที่โรงเรียนสระตะเคียน ต.โคกสูง อ.หนองกี่ บุรีรัมย์ มาขออนุญาติใช้กุฏิที่วัดป่าช้าหนองกราดเพื่อให้พ่อที่ป่วยผ่าตัดสมองมาพักฟื้นที่วัด แต่ผลปรากฏว่าเขากลับเล่นกลแอบอยู่ในกุฏินั้นเสียเองแล้วปลอมเป็นพระหลวงพ่อ แล้วมีนางนกต่อไปหลอกคนทาง อ.จักราช โคราชมาหลายรายให้เอาเงินแสนมาทำหวย แกล้งทำนายทายทักด้วยความแม่นยำเพราะสืบข้อมูลเหยื่อมาแล้ว จนเหยื่อหลงศรัทธาว่าศักดิ์สิทธิ์จริง จนพากันไปกู้เงินแสนมาให้เขาทำพิธิปลุกเสกทำหวยให้ และหลอกให้มารับเงินคืนในวันที่2 ธ.ค.2558 วันที่29 พ.ย.58 เหยื่อรายแรกสงสัยเพราะโทรติดต่อไม่ได้ จึงมาตามหาที่วัด มาถามหาหลวงพ่สมชาย ทางวัดจึงว่าที่นี่ไม่มีหลวงพ่อ เขายืนยันว่าพึ่งมาหาเมื่อวานที่กุฏิหลังนั้น ถามไปถามมาจึงรู้ว่าทั้งทางวัดและโยมจาก อ.จักราชถูกหลอกเสียแล้ว ก่อนหน้านี้ทางวัดนึกว่าเป็นญาติคนป่วยมาเยี่ยมคนป่วยแล้วก็ออกไป สรุปคนที่อ้างว่าเป็นครูหลอกเอาเงินคนไปได้ รายแรกแสนห้าหมื่นบาท รายที่สองสองคนคนละแสนเป็นสองแสนบาท และได้แจ้งความไว้แล้วที่สถานีตำรวจหนองกี่เมื่อ29 พ.ย.2558 มีคนร่วมขบวนการนี้เบื้องต้นนับได้เจ็ดคน แต่ยังไม่มีภาพคนร้าย ก็จะได้เล่ารายละเอียดไปทีละนิดในอันดับต่อไปก็แล้วกัน
     และขอเตือนภัยสำหรับวัดต่างๆ หากมีคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน มาขอพักที่วัดหรือขอใช้สถานที่ เพื่อความปลอดภัยควรถ่ายรูปไว้ และขอสำเนาบัตรประชาชน ป้องกันเกิดปัญหาในภายหลัง จะได้มีขอมูล เพราะเราได้ประสบมาแล้ว เพราะความไว้เนื้อเชื่อใจคนจนเกินไปจนเป็นเหตุ ตกเป็นเครื่องมือหากินของแก๊งมิจฉาชีพสิบแปดมงกุฏ ดังเรื่องจะเล่าต่อไปนี้ เพื่อเป็นอุทาหรณ์ จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อแก๊งมิจฉาชีบนักต้มตุ๋น
    เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2558 มีผู้ชายมาด้วยกันสองสามคน เข้ามาหาเจ้าอาวาส มาถวายน้ำแพ็กหนึ่งกับแล็กตาซอยหนึ่งแพ็ค ที่วัดป่าช้าหนองกราด หมู่5  ต.ท่าโพธิ์ชัย อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ หลังจากนั้นเขาก็พูดหลอกว่า จะมาขอพึ่งบุญบารมีอาจารย์ บอกว่าเขาเป็นคนอยู่ในหนองกี่นี่แหละ เป็นครูสอนอยู่ที่โรงเรียนสระตะเคียน ต.โคกสูง ไกล้ๆนี่แหละ(แต่หลังจากไปตรวจสอบดูภายหลังแล้วกลับไม่มีครูคนนี้อยู่จริง) แล้วก็บอกว่าพ่อของเขาประสบอุบัติเหตุที่เขาปักธงชัย จนได้ผ่าตัดสมอง มีอาการประสาทหลอนบ่อยๆ ไปรักษามาหลายที่แล้วแต่อาการก็ไม่ดีขึ้น หลายคนก็แนะนำว่าให้ลองไปหาวัดที่สงบๆ พาไปพักฟื้นฝึกปฏิบัติทางจิตใจ อาจจะช่วยให้ฟื้นฟูได้เร็วขึ้น ก็พอดีมาเห็นที่นี่สงบดีไม่มีคนพลุกพล่าน คิดว่าหากพ่อได้มาพักฟื้นที่นี่อาจช่วยให้อาการดีขึ้น เขาว่าอย่างนั้น แล้วก็พูดพรรณนาพระคุณของพ่อสารพัด พรรณนาความกตัญญูกตเวทีต่างๆนา จนเราคล้อยตามเห็นว่าเป็นคนดีนักหนาน่าอนุโมทนาส่งเสริม อนุเคราะห์ รู้สึกเห็นอกเห็นใจ พอพระถามว่าแล้วรู้จักที่นี่ได้อย่างไรคิดยังไงถึงมาที่นี่ เขาก็บอกว่าผมเคยมาที่นี่เมื่อช่วงมีงานบุญเมื่อหลายปีแล้ว และเคยได้ยินคุณแม่ที่เป็นคนสร้างวัดนี้พูดให้ฟังว่าเคยผ่าตัดสมองมาแล้ว ก็เลยคิดว่าท่านอาจชี้แนะได้ เมื่อพระได้ฟังดังนั้นด้วยความไม่แน่ใจอาจจะใช่ดังเขาว่า เพราะช่วงสร้างวัดใหม่ก็มีคนมามากหน้าหลายตาจนจำได้ได้ก็เป็นได้ ก็เลยหลงเชื่อว่าเขาคงพูดมาเป็นความสัจความจริง แล้วเขาก็ขออุญาติใช้ห้องที่ศาลาหลังใหม่หน้าวัดได้มั้ย ก็เลยบอกว่าไม่ได้หรอกที่นั่นเป็นห้องเก็บของ ก็เลยเดินถัดมาเป็นกุฏิศาลาโรงครัว เขาก็เลยบอกว่า ขอให้พ่อพักหลังนี้ได้มั้ย มีห้องน้ำมีห้องพักมิดชิดกำลังพอดี พระก็ว่า ไม่ได้หรอกโยม หลังนี้เป็นกุฏิเก่าของคุณแม่ที่สร้างวัดนี้ ท่านไม่ได้อยู่นานแล้วข้างในคงเต็มไปด้วยขี้หนู และต้องขออนุญาติเจ้าของก่อนนะถึงจะได้ เขาว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวจะพาลูกหลานมาทำความสะอาดเอง แล้วเขาก็เข้าไปในหมู่บ้านไปหาคุณแม่ ไปพูดหลอกล่อจนคุณแม่อนุญาติ บอกว่าจะเอามาพักฟื้นที่วัดจะไม่ทำให้ทางวัดลำบากเดือดร้อนเลย จะให้ลูกหลานผลัดเวรกันมาดูแล เพราะลูกทุกคนทำราชการกันหมดว่างั้น พอวันที่ 25 พ.ย. 2558 คนที่อ้างว่าเป็นครูซึ่งใช้ชื่อปลอมว่า ครูพง นั้นก็พาลูกน้องมาทำความสะอาดกุฏิ วันที่ 26 พ.ย. 2558 ครูพงก็เข้ามาที่วัดในช่วงสาย พร้อมคนขับรถที่อ้างว่าเป็นหลานคนป่่วย และมีเพื่อนที่อ้างว่าเป็นตำรวจคนหนึ่งมาด้วย เข้ามาหาแล้วมาขอกุญแจกุฏิหลังดังกล่าวนั้น บอกว่าพ่อที่ป่วยผ่าตัดสมองนั้นกำลังตามารถคันหลัง จึงขอกุญแจเปิดที่พักไว้รอ เราก็ไม่คิดสงสัยอะไรก็เลยให้กุญแจไป ส่วนคนที่เป็นตำรวจก็มาทำเป็นปัดกวาดรอบๆศาลา แล้วก็ชวนพระคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ จะได้ไม่เห็นตอนที่ลูกหลานพาคนป่วยเข้ากุฎิหลังนั้น ซึ่งความจริงแล้วครูพงนั้นได้แอบเข้าหลบอยู่ในกุฏิปลอมเป็นหลวงพ่อคอยเหยื่อเป็นที่เรียบร้อย แล้วให้คนขับรถเล่นกลขับรถของครูพงออกไปขณะที่เหยื่อรายแรกมาถึงแล้ว โดยมีนางนกต่อ เป็นหญิงใส่ชุดขาวพามาซึ่งเหยื่อรายแรกมีคนสูงอายุมาด้วย ทำให้เราเข้าใจผิดนึกว่าลูกหลานพาคนป่วยเข้ามาพักเมื่อมองจากระยะไกล เมื่อรถครูพงวิ่งออกไปทำให้เราเข้าใจว่าครูพงออกไปสอนหนังสือแล้ว คิดว่ายังเหลือแต่แม่บ้านกับหลานๆเฝ้าคนคนป่วย ส่วนตำรวจที่ทำเป็มมาปัดกวาดรอบๆศาลาก็รีบพูดว่า อาจารย์ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ มีกิจอันใดก็ทำไปตามสบาย นิมนต์พักผ่อนตามสบาย ทางคนป่วยเดียวลูกหลานดูแลกันเองจะไม่ให้รบกวนครูบาอาจารย์ให้ลำบากเลยครับ ก็เลยทำให้เราชะล่าใจ ไม่นึกว่าเขาจะมีแผนชั่วร้ายหลอกคนมาต้มตุ๋นในวัดของเรา ส่วนเหยื่อที่ถูกหลอกมาก็ถูกต้อนเข้ากุฏิหลังนั้นทันที หลอกว่าท่านเจ้าอาวาสรออยู่หลังนั้น และให้ทุกคนปิดโทรศัพท์มือถือ บอกว่ามาสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ห้ามเปืดโทรศัพท์ห้ามถ่ายรูป ทุกคนก็เชื่อกันหมด
พิมพ์ด้วยโทรศัพท์มันไม่ถนัด ขออภัยเดี๋ยววันหลังมาเล่าต่อ